หลักการเลือกสินค้าเพื่อนำเข้ามาขาย สำหรับพ่อค้าแม่ค้า

หลักในการเลือกสินค้า เพื่อนำเข้ามาขาย สำหรับพ่อค้าแม่ค้า

เลือกสินค้าอย่างไรให้ปัง!! เป็นคำถามยอดฮิตของพ่อค้าแม่ค้ามือใหม่ที่กำลังเริ่มต้นทำธุรกิจออนไลน์ และเชื่อว่าคงจะหนีไม่พ้น คำว่า “จะขายอะไรดี” วันนี้เรามาสรุปหลักการในการเลือกสินค้ามาขายกันค่ะ

โดยทั่วไปจะแบ่งออกเป็น 2 องค์ประกอบด้วยกัน คือ 1. คู่แข่งในตลาดของสินค้า และ 2 ต้นทุนสินค้า 

องค์ประกอบแรก คือ คู่แข่งในตลาด เมื่อจะขายสินค้าใดสินค้าหนึ่ง เราต้องดูว่าสินค้านั้นมีคนขายเยอะหรือไม่ และก่อนการตัดสินใจเลือกสินค้ามาขาย ควรต้องศึกษาเทรนด์ของตลาดด้วยว่า อะไรคือสิ่งที่กำลังเป็นกระแสอยู่ เป็นสินค้าที่นิยมขายกัน หรืออะไรคือขาลงของตลาด ซึ่งจริงไม่จำเป็นที่ต้องขายเฉพาะสินค้าที่ตามกระแสนิยมเท่านั้น เพียงแค่ต้องรู้แนวโน้มของตลาด เพื่อจะนำไปสู่การเติบโตของร้านอย่างมีประสิทธิภาพ และเพื่อเกิดความมั่นคงของธุรกิจในระยะยาว ซึ่งคู่แข่งของตลาดจะแบ่งออกเป็น 3 ส่วนดังนี้ 

1. คู่แข่งที่ขายของซ้ำกัน หากเจอร้านข้าง ๆ ขายของเหมือนเรา ลูกค้าจะเลือกซื้อของใคร? สิ่งที่ต้องทำ คือ สร้างจุดเด่นให้สินค้า หรือบริการของร้านตนเอง ยกตัวอย่างเช่น หากร้านเราขายเคสโทรศัพท์มือถือ อาจจะสร้างจุดเด่นจากสินค้าเลือกขายเคสมือถือ DIY เคสมือถือคู่ เคสมือถือออกแบบที่มีลายเดียวในโลก เพื่อสู้กับคู่แข่งที่ขายสินค้าซ้ำกันได้

2. จัดโปรโมชั่นให้กับลูกค้าบ้าง เช่น ลดราคาสินค้าในวันพิเศษ 10.10/11.11/8.8 จับคู่สินค้าขายดี จัดเซตสินค้าประเภทเดียวกัน หรือจัดโปรฯส่งสินค้าฟรี เป็นต้น ซึ่งการจัดโปรโมชั่นในร้านจะทำให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อง่ายขึ้น

3. ลองไปเป็นลูกค้า เพื่อดูข้อดีและข้อเสียของตลาดคู่แข่ง และนำมาปรับปรุง จะได้เห็นเลยว่าสิ่งที่ร้านเราควรมีหรือควรปรับเพิ่มลดคืออะไร แต่ข้อนี้ไม่แนะนำให้ลอกเลียนแบบการขายของร้านอื่น ๆ เพราะแต่ละร้านจะมีกลุ่มลูกค้าหรือผู้บริโภคที่แตกต่างกันไป

องค์ประกอบหลักข้อที่ 2 คือ ต้นทุนสินค้า ข้อนี้บอกเลยว่าสำคัญมาก ๆ จะขาดทุนหรือได้กำไรอยู่ที่ข้อนี้เลยค่ะ ซึ่งต้นทุนสินค้าประกอบด้วย 2 ส่วน ดังนี้

1. ราคาของสินค้า คือ ต้นทุนของสินค้าที่ยังไม่นำมาบวกกำไรหรือค่าขนส่ง อย่างเช่น ถ้าเลือกสินค้ามาจากแหล่งค้าส่ง ราคาสินค้าก็จะถูกมาก ยิ่งซื้อจำนวนเยอะ ยิ่งได้ส่วนลดเพิ่มด้วย แต่ถ้าเลือกขายสินค้าที่เป็นสินค้าฝีมือ ทำเอง ผลิตเอง ก็จะต้องคำนวณราคาสินค้าจากหลายปัจจัย ตั้งแต่การผลิต ค่าวัสดุอุปกรณ์ บรรจุภัณฑ์ รวมถึงค่าแรงอีกด้วย ซึ่งการตั้งราคาสินค้าเป็นสิ่งสำคัญมาก ถือว่าเป็นสิ่งแรกที่ลูกค้าเห็นแล้วพร้อมจะกดสั่งซื้อทันที

2. ค่าขนส่ง ซึ่งเป็นต้นทุนที่ต้องบวกเพิ่มเข้าไปในราคาสินค้า อย่างเช่น นำเข้าสินค้าจากต่างประเทศจะต้องมีค่าขนส่งระหว่างประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่จะคำนวณจากขนาดและน้ำหนักของสินค้า สำหรับพ่อค้าแม่ค้ามือใหม่ควรหลีกเลี่ยงสินค้าที่มีขนาดใหญ่ อย่างตุ๊กตาหมี เพราะสินค้าขนาดใหญ่เมื่อนำเข้ามาแล้ว พบว่าค่าขนส่งแพงกว่าตัวราคาสินค้า

ดังนั้น สำหรับมือใหม่แนะนำให้เลือกซื้อหรือนำเข้าสินค้าที่ละน้อย ๆ ต่อครั้งก่อน เพื่อประเมินค่าขนส่งในรอบแรกดูก่อน และนอกจากนั้นยังได้ตรวจดูคุณภาพของสินค้า สินค้าตรงกับหน้าเว็บไหม สินค้าจริงเป็นอย่างไร แล้วจะได้นำมาคำนวณต้นทุนก่อนขายสินค้าได้อย่างถูกต้อง