เคล็ดลับการเลือก Content ให้เหมาะกับช่องทาง Social Media Platform

เคล็ดลับการเลือก Content ให้เหมาะกับช่องทาง Social Media Platform

20/10/2021


เคล็ดลับการเลือก Content ให้เหมาะกับช่องทาง Social Media Platform



ต้องทำคอนเทนต์แบบไหน ถึงจะช่วยเพิ่ม Engagement หรือการมีส่วนร่วมกับแบรนด์ในช่องทาง Social Media ต่าง ๆ ได้มากยิ่งขึ้น เพราะไม่ใช่แค่การทำคอนเทนต์ที่มีคุณภาพอย่างเดียวเท่านั้น แต่เป็นการเลือกรูปแบบคอนเทนต์ ให้เหมาะสมกับช่องทางโซเชียลมีเดียที่เลือกลงอีกด้วย 



สำหรับ Social Media Platform ที่จะพูดถึงในวันนี้เป็นแพลตฟอร์มหลักๆที่พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์นิยมใช้กันอยู่แล้ว นั่นก็คือ Facebook, Instagram, และ Line OA
ซึ่งแต่ละช่องทางจะเหมาะกับคอนเทนต์รูปแบบไหนบ้างตามดูกันเลยค้า….



แพลตฟอร์มแรกคือ Facebook เป็นแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่มีจำนวนผู้ใช้งานมากที่สุดในโลก และเป็นอันดับ1 ของประเทศไทยด้วยค่ะ ที่มีผู้ใช้งานจำนวนมากกว่า 40 ล้านคน
ซึ่งหากว่าแบรนด์ไม่ใช้งาน Facebook อาจทำให้พลาดกลุ่มลูกค้าไปได้เยอะมากๆเลยค่ะ แต่ถ้าหากแบรนด์เลือกใช้งานให้เป็นและทำคอนเทนต์ได้ตรงใจ Facebook ก็จะยิ่งเพิ่มการเข้าถึงแบบ Organic Reach ซึ่งเป็นการเข้าถึงแบบที่ไม่ต้องเสียเงินเลยสักบาทเดียว 

สำหรับคอนเทนต์แบบไหนที่จะเหมาะกับ Facebook แน่นอนว่าเฟสบุคต้องการคอนเทนต์ที่มีคุณภาพ เวลาคนเห็นหรือรับชมคอนเทนต์นั้นแล้วอยากมีส่วนร่วมกดไลค์ กดแชร์ หรือคอมเมนต์ ยกตัวอย่างเช่น นำเสนอคอนเทนต์ How to เกี่ยวกับสินค้า / สินค้านี้ดีอย่างไร? / ทำไมต้องใช้สินค้านี้…? / หรือเทคนิคความรู้ต่างๆเกี่ยวกับความสนใจของลูกค้า เป็นต้น
เพื่อให้ลูกค้าเกิดปฏิสัมพันธ์กับแบรนด์ไม่ใช่แค่เลื่อนผ่านไป ดูแล้วกดออก ซึ่งบางครั้งยังไม่จบเนื้อหาที่แบรนด์นำเสนอด้วยซ้ำ



ในทุกวันนี้คอนเทนต์ประเภท Video และ Live ได้ถูกยกให้เป็นรูปแบบคอนเทนต์ที่เหมาะสำหรับหน้าเพจ Facebook มากที่สุด ด้วยพฤติกรรมของผู้ใช้งานที่ชอบคอนเทนต์ที่เข้าใจได้ง่าย รวดเร็ว และสนุกสนาน จึงทำให้คอนเทนต์วิดีโอตอบโจทย์และมีอัตราการเข้าถึงที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ และทริคในการลงคลิปวิดีโอแนะนำให้อัพโหลดคลิปลงหน้า Facebook ดีกว่าการโพสต์ลิงค์จากยูทูบ เพราะรูปแบบวิดีโอจะมี Engagement และมีการแชร์ต่อมากกว่า 

นอกเหนือจากวิดีโอ ประเภทคอนเทนต์ Blog Posts หรือบทความจากบล็อค ก็เป็นอีกหนึ่งรูปแบบที่ให้ผลลัพธ์ดีสำหรับเพจ Facebook เพราะต้องยอมรับว่าในบางครั้งคอนเทนต์ประเภทวิดีโอไม่สามารถลงรายละเอียดได้ทั้งหมด ทำให้ผู้ใช้งานที่ต้องการศึกษารายละเอียดลึกๆ หรือขั้นตอนวิธีการแบบชัดเจน จะชอบคอนเทนต์ในรูปแบบบทความจากบล็อคมากกว่าค่ะ



สำหรับแพลตฟอร์ม Instagram หรือ IG มีผู้ใช้งานคนไทยอยู่ประมาณกว่า 12 ล้านคน และทราบกันดีว่า IG หรือ Instagram เนี่ยเป็นบริษัทลูกของ Facebook นั่นเองค่ะ แต่สิ่งที่แตกต่างกันคือ IG เป็น Visual Platform คือแพลตฟอร์มที่เน้นการลงรูปภาพ ซึ่งผู้ใช้งานจะเลือกโพสต์รูปภาพที่ดีที่สุด หรือวิดีโอที่ดีที่สุดลงบนโปรไฟล์ของเขาเท่านั้น Instagram เน้นคอนเทนต์ที่มีความสวยงาม ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย สบายตา ซึ่งผู้ใช้งานส่วนใหญ่จะใช้วิธีการแต่งรูปภาพให้คุมโทน 

แล้วคอนเทนต์รูปภาพแบบไหนบ้างที่จะเป็นจุดสนใจบน Instagram ไปดูกัน?

- รูปถ่ายสินค้า หรือ Product Photos ถ้าเพื่อนๆขายสินค้าที่จับต้องได้เป็นชิ้นเป็นอัน เช่น สินค้าแฟชั่น กระเป๋า เครื่องสำอาง หรืออาหาร เพื่อนๆสามารถโพสต์ภาพถ่ายสินค้าที่มีความละเอียดสูงและสวยงามลงโพสต์ได้เลย เพื่อดึงดูดให้เกิดความน่าสนใจได้

- ภาพเบื้องหลัง หรือ Behind-The-Scenes ที่หลายคนเรียกกันว่ามีม!! คือช็อตภาพสั้นๆที่ผู้ใช้งานจำได้ง่ายมากๆ อาจจะเป็นรูปถ่ายในโฆษณาสินค้า ภาพจากงานอีเวนท์ ภาพขั้นตอนการผลิตสินค้า หรือผลิตภัณฑ์ของแบรนด์ เป็นต้น 

- ภาพรีวิว ซึ่งข้อนี้ถ้าเรายังไม่มีรูปภาพสินค้าที่สวยๆ เราสามารถโพสต์คอนเทนต์ที่มาจากลูกค้าทดแทนได้ เช่น ลูกค้าซื้อเสื้อผ้าแบรนด์เราไปใส่ แล้วแท็กรีวิวมาที่ไอจีร้าน
เราสามารถรีแคปโพสต์เพื่อลงใน Instagram ร้านได้ ข้อดีคือ เป็นคอนเทนต์ที่มาจากลูกค้าโดยตรง ทำให้ผู้ที่สนใจเกิดความเชื่อถือและตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น
แต่ก่อนที่จะนำรีวิวนั้น ๆ มาใช้ต้องได้รับการอนุญาติจากเจ้าของโพสต์ก่อนเสมอ 



มาถึงแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย LINE OA หรือ Line Official Account ซึ่งก็ต้องบอกเลยว่าไลน์เป็นช่องท่างที่เราใช้สื่อสารกันอยู่เป็นประจำ และแน่นอนว่าสำหรับแบรนด์ร้านค้าแพลตฟอร์ม Line จะช่วยเปลี่ยนลูกค้าขาจรให้กลายเป็นลูกค้าประจำ เพราะ Line เน้นเรื่องการทำ CRM คือ สร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า
ถือเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้ธุรกิจของคุณดูแลลูกค้าได้ดีขึ้น ซึ่งจะเน้นการส่งคอนเทนต์ถึงลูกค้าใน Line ก่อนที่จะลงในแพลตฟอร์มอื่น ให้ลูกค้าเกิดความรู้สึกพิเศษ
จะเห็นได้จากหลายๆแบรน์เลือกเปิดให้จองสินค้าก่อนในไลน์เท่านั้น เป็นการเนียนๆเพิ่มลูกค้าประจำนั่นเองค่ะ

ซึ่งการทำคอนเทนต์ในไลน์จะเหมาะกับการทำ Rich Content คือ การส่งข้อความแบบพิเศษ ที่มีรูปภาพ เสียง และวิดีโอ โดยแบ่งออกเป็น 3 ประเภท



1. Rich Message คือการส่งรูปภาพขนาดใหญ่พิเศษ เต็มจอแชท พร้อมใส่ลิงก์ให้คลิกไปไหนก็ได้ เช่น การส่งรูปโปรโมชั่นสินค้าหรือบริการไปหาลูกค้า
เพื่อให้ลูกค้าคลิกตรงรูปภาพไปยังหน้า Landing Page บนเว็บไซต์

2. Rich Video สามารถส่งวิดิโอ Auto-Play พร้อมใส่ลิงก์ให้คลิกไปไหนก็ได้ เช่น ส่งบริการใหม่ให้ลูกค้า เมื่อลูกค้าดูบริการแล้วสนใจ สามารถคลิกไปที่เว็บไซต์ เพื่อซื้อสินค้าหรือบริการได้ทันที

3. Rich Menu สามารถสร้างแถบเมนูลัดที่คีย์บอร์ดในหน้าแชท เพื่อความสะดวกสบายในการเข้าใช้บริการของลูกค้า ซึ่งล่าสุด LINE OA ยังมี ฟีเจอร์ my shop
ที่เหมือนคลังสต็อกของพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ ให้ลูกค้าได้สั่งซื้อ ช้อปปิ้ง เลือกขนส่งได้เอง และพ่อค้าแม่ค้าเองสามารถทำคอนเทนต์ เช็คสต็อก รวมถึงปิดการขายได้ในที่เดียว แต่การใช้ my shop เพื่อนๆจะต้องลงทะเบียนเป็น Line Official Account ก่อนนะคะ ซึ่งมิสโอเตะแนะนำว่านอกจากเราจะใช้ฟีเจอร์ my shop แล้วอยากให้มีเว็บไซต์ธุรกิจของตัวเองไปด้วยนะคะ เพราะเราจะสามารถเก็บ Data ข้อมูลของลูกค้าเพื่อนำไปใช้ทำการตลาดต่อได้ค่ะ 



สรุปการเลือกทำ Content ให้เหมาะกับช่องทาง Social Media Platform คือ การทำคอนเทนต์ที่มีคุณค่า สร้างประโยชน์ให้กับลูกค้า อาจจะเป็นคอนเทนต์ให้สาระความรู้ เล่าเรื่อง How to หรือความบันเทิงต่างๆ แต่ที่สำคัญจะต้องเลือกให้เหมาะกับแพลตฟอร์มแต่ละอันด้วย ไม่ใช่ 1 คอนเทนต์จะสามารถนำไปลงได้กับทุกแพลตฟอร์ม ถ้าเข้าใจแพลตฟอร์ม เข้าใจลูกค้า การเลือกทำ Content ให้เหมาะกับช่องทาง Social Media ก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป

อัพเดทความรู้การขายออนไลน์