5 วิธีทำการตลาดออนไลน์แบบไม่เสียเงิน!!

5 วิธีทำการตลาดออนไลน์แบบไม่เสียเงิน!!

21/10/2021



5 วิธีทำการตลาดออนไลน์แบบไม่เสียเงิน!!


หลายคนคงเคยได้ยินกันอยู่แล้วว่าการตลาดออนไลน์คืออะไร แน่นอนว่าสื่อออนไลน์ในยุคนี้เป็นสิ่งที่พ่อค้าแม่ค้าให้ความสำคัญอย่างมาก แต่สำหรับพ่อค้าแม่ค้ามือใหม่บางคนอาจยังไม่เข้าใจกับคำว่าการตลาดออนไลน์ แท้จริงแล้วคืออะไร ต้องทำอย่างไร?



การตลาดออนไลน์ หรือ Online Marketing คือ การทำการตลาดบนสื่อออนไลน์ เช่น โฆษณา Facebook, Google, YouTube, Instagram เป็นต้น
ซึ่งการโฆษณาผ่านแพลทฟอร์มเหล่านี้ มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อทำให้ผู้บริโภครู้จักสินค้าหรือบริการของแบรนด์เรามากยิ่งขึ้น โดยวิธีการทำการตลาดออนไลน์สามารถทำได้หลากหลายช่องทางมาก

มีทั้งวิธีที่เสียเงินและวิธีที่ไม่ต้องเสียเงิน ซึ่งแน่นอนว่าถ้าเพิ่งเริ่มขายออนไลน์ วิธีที่ไม่ต้องเสียเงินน่าจะเป็นตัวเลือกแรกที่น่าสนใจและที่สำคัญยังช่วยเซฟต้นทุนในการขายออนไลน์อีกด้วย วันนี้เรามี 5 วิธีทำการตลาดออนไลน์แบบไม่เสียเงิน!! มาฝากกันค้า…



วิธีที่ 1 การใช้ Social Network หรือการใช้พื้นที่สื่อบน Social Media Platform ต่าง ๆ ซึ่งเป็นการทำการตลาดออนไลน์ที่ในปัจจุบันนิยมใช้กันมากที่สุด เพราะสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้หลากหลาย เช่น Facebook, Twitter, LINE@, Instagram หรือ Website ที่เราสร้างขึ้น เป็นต้น

ซึ่งโดยทั่วไปการทำโฆษณาหรือการตลาดในลักษณะนี้จะนิยมใช้เพื่อการสร้างแบรนด์ สร้างการรับรู้เบื้องต้นให้กับผู้บริโภค เพราะ Social Media ถือเป็นช่องทางที่มีอิทธิพลมากที่สุดบนสื่อออนไลน์ ทำให้เกิดการบอกต่อกันแบบปากต่อปาก หรือเรียกว่า Viral Marketing คือ การตลาดที่แพร่หลายเหมือนไวรัส ทำให้มีคนรู้จักหรือเห็นสินค้าและบริการของแบรนด์เราได้ในหลาย ๆ ครั้ง โดยผ่านการแชร์ออกบนสื่อออนไลน์นั่นเอง ซึ่งแต่ละแพลทฟอร์มก็จะมีวิธีการโฆษณาที่แตกต่างกันให้เลือกใช้ และนอกจากจะเป็นช่องทางที่นิยมใช้กันมากที่สุดแล้วยังเป็นวิธีที่เหมาะกับพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์มือใหม่อีกด้วย

โดยช่องทางแรก ๆ ที่อยากแนะนำให้เริ่มใช้ ก็คือ Facebook เนื่องจากมีผู้ใช้งานเป็นจำนวนมาก ทำการตลาดง่าย และมีฟังก์ชันในการเผยแพร่ Content ที่หลากหลายรูปแบบ
ไม่ว่าจะเป็น ข้อความ, รูปภาพ, วีดีโอ หรือแม้กระทั่งการ Live สด เพื่อโปรโมทสินค้าหรือบริการ สามารถเข้าถึงผู้คนได้เป็นจำนวนมากภายในไม่กี่วินาที ที่สำคัญสามารถทำได้โดยที่ไม่ต้องเสียเงินแม้แต่บาทเดียว 



วิธีที่ 2 การใช้ E-Mail Marketing หลายคนอาจจะยังไม่คุ้นหูว่าการตลาดแบบนี้คืออะไร E-Mail Marketing เป็นกลยุทธ์ทางการตลาดออนไลน์ที่เข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายในรูปแบบของอีเมล์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อต้องการประชาสัมพันธ์ โฆษณา หรือเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารของแบรนด์ไปยังผู้รับที่เป็นลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย เช่น อีเมลโปรโมชั่นวันพิเศษต่าง ๆ อีเมลส่วนลดสำหรับสมาชิก หรือข่าวสารที่แบรนด์ต้องการอัพเดทให้กลุ่มลูกค้าทราบ 

ซึ่งเป็นการตลาดที่ไม่มีต้นทุนเลยเมื่อเทียบกับการตลาดในรูปแบบอื่น ๆ อีกทั้งยังเป็นการตลาดออนไลน์ที่ตรงกลุ่มเป้าหมาย และสามารถเข้าถึงผู้รับได้ภายในเวลาอันรวดเร็ว และมั่นใจได้ว่าสารนั้นถึงผู้รับ 100% แต่จะเปิดอ่านหรือไม่ แบรนด์ไม่สามารถรับรู้ได้เลย ฉะนั้น ควรส่งสารไปยังกลุ่มเป้าหมายที่ใช้อีเมลในชีวิตประจำวัน เช่น กลุ่มคนทำงาน นักศึกษา เป็นต้น



วิธีที่ 3 คือ การเขียน SEO (Search Engine Optimization) ที่นักการตลาดหลายคนพูดถึงอยู่บ่อย ๆ ซึ่ง "SEO" หรือ "Search Engine Optimization"
คือ วิธีการปรับแต่งเว็บไซต์ การปรับปรุงเนื้อหาและการเพิ่ม Backlink ซึ่งเป็นลิงค์ที่มีคุณภาพ เพื่อลิงค์มายังหน้าเว็บไซต์ ทำให้เว็บไซต์ของเราติดอยู่ในอันดับต้น ๆ บน Search Result Page หรือที่เรียกว่า หน้าแสดงผลการค้นหานั่นเอง 

ยกตัวอย่างเช่น เมื่อลูกค้ากรอก Keyword (คำค้นหา) ที่ต้องการเสิร์ชผ่านช่องค้นหา ก็จะเจอกับเว็บไซต์ของเราหรือลิงค์ที่เราลงไว้ อาทิเช่น Google, Yahoo!, Bing เป็นต้น
ซึ่งเป็นวิธีการที่มีประสิทธิภาพในการเพิ่มยอดผู้เข้าชมเว็บไซต์ในระยะยาว ดังนั้น นักการตลาดออนไลน์หรือเจ้าของแบรนด์จึงเน้นการทำ SEO บน Google เป็นหลัก 

ซึ่งวิธีการทำ SEO ให้ติดอันดับ มีดังนี้ 

1. การใส่ Keyword ควรเลือก Keyword ที่สอดคล้องกับเนื้อหาในหน้าเว็บไซต์ หลีกเลี่ยงการใช้ Keyword ซ้ำๆ กันเป็นจำนวนมากเพื่อไม่ให้เป็น Keyword Spam หรือ Keyword Stuffing สามารถดูจากปริมาณการค้นหาหรือดูไอเดียเพิ่มเติมได้ที่เครื่องมือต่างๆ เช่น Google Keyword Planner เป็นต้น

2. การสร้างและเพิ่มเติมเนื้อหาที่มีคุณภาพเพื่อตอบสนอง User เช่น สร้างคอนเทนต์ที่มีสาระความรู้เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์ พร้อมทำลิงค์เชื่อมโยงเพื่อให้อ่านต่อ
แต่ต้องไม่คัดลอกเนื้อหามาจากที่อื่น ๆ

3. ปรับปรุงโครงสร้างเว็บไซต์ให้เป็นมิตรกับ Search Engine และผู้ใช้งาน เช่น แบ่งหมวดหมู่เนื้อหาหรือสินค้าให้เป็นระบบ 

4. อัพเดตเว็บไซต์ เพิ่มเนื้อหา ข้อมูลใหม่ๆในเว็บ เพื่อให้เว็บไซต์มีการเคลื่อนไหวและสดใหม่อยู่ตลอดเวลา

ซึ่งทั้งหมดนี้การเขียน SEO จะใช้ระยะเวลาทำการตลาดออนไลน์ค่อนข้างนานกว่าวิธีอื่นๆ แต่รับรองว่าได้ผลถาวรและยั่งยืนแน่นอน 



วิธีที่ 4 Video Marketing คือ การทำคอนเทนต์คลิปวิดีโอ เพื่อแนะนำสินค้าหรือบริการให้ผู้คนรับรู้และเป็นที่รู้จัก ซึ่งในปัจจุบันสื่อวีดีโอนั้นได้รับความนิยมอย่างมาก เนื่องจากสามารถเล่าเรื่องราวของแบรนด์ได้อย่างไม่จำกัด ไม่ต้องกังวลเรื่องข้อความ รูปภาพต่าง ๆ 

โดยใช้เทคนิค Story Telling เล่าถึงที่มาที่ไปของธุรกิจ หรือเป็นวิดีโอเบื้องหลังการทำงาน การผลิตสินค้า การแพ็คสินค้าเพื่อจัดส่ง หรือจะใช้เทคนิคการไลฟ์สดวิดีโอ ผ่าน Platform Facebook ซึ่งเป็นช่องทางที่เข้าถึงผู้คนจำนวนมากได้ในทันที ซึ่งการตลาดวิธีนี้สามารถทำได้กับทุกๆแพลตฟอร์ม แต่อาจจะมีขอบเขตจำกัดของแต่ละแพลตฟอร์ม

หลายคนอาจเข้าใจการลงทุนทำวิดีโอก็ต้องเสียเงิน แล้วจะมาบอกว่าฟรีได้อย่างไร แน่นอนค่ะว่าถ้าต้องการเพอร์ฟอร์มของคลิปวิดีโอที่ดีก็อาจจะเสียเงินบ้าง แต่มันก็มีช่องทางที่ให้คุณสร้างได้ฟรี ๆ เช่น ไลฟ์สดเฟสบุค สตอรี่ไอจี หรือ Tiktok เป็นต้น ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับว่าแบรนด์จะเลือกใช้ Video Marketing ไหนให้เหมาะกับกลุ่มเป้าหมาย



วิธีสุดท้าย คือ การเขียน Blog หรือเว็บไซต์ประเภทหนึ่งที่เอาไว้บอกเล่าเรื่องราวต่าง ๆ โดยมีชื่อย่อมาจาก Web Blog นั่นเอง ซึ่งการทำ Blog คือ การเขียนบทความเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับสินค้าให้ผู้อ่านได้ติดตาม โดยประกอบไปด้วย 2 ส่วนหลักๆ คือ การเขียนบทความ และการอัพโหลดรูปภาพ เพียงเท่านี้ก็สามารถสร้าง Blog ได้

แต่หลายคนอาจจะคิดว่ายากเพราะบาง Blog ใช้เทคนิคและลูกเล่นมากมาย อาจจะต้องอาศัยประสบการณ์พอสมควร เพราะฉะนั้น หากเพิ่งเริ่มต้นสร้าง blog ให้โฟกัสไปที่เนื้อหาก่อน เพราะคนส่วนใหญ่มักจะอ่าน Blog ผ่านมือถือ และด้วยมือถือมีพื้นที่จำกัด จึงไม่ได้เห็นลูกเล่นต่าง ๆ ของ Blog มากนัก  ซึ่งการทำ Blog สามารถสร้างได้ฟรี ๆ และใช้งานได้ตลอดชีวิต

ยกตัวอย่างแบรนด์ธุรกิจอาหารเสริม จะสร้างบล็อกเพื่อเพิ่มการติดตามของกลุ่มเป้าหมาย ให้ดูว่าลูกค้ากลุ่มเป้าหมายมีปัญหาหรือต้องการอะไร และสร้างคอนเทนต์นั้นออกมาตอบสนอง เช่น คอนเทนต์เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ ความสวยความงาม การดูแลรูปร่าง การออกกำลังกาย เป็นต้น

ซึ่ง Blog อาจจะเป็นการตลาดออนไลน์ที่ไม่ค่อยนิยมมากนัก แต่ไม่ใช่ว่าจะไม่มีการใช้งานหรือหายไปจากสื่อออนไลน์ โดยเฉพาะแบรนด์ธุรกิจความสวยความงามยังคงมีให้เห็นอยู่ตลอด แนะนำให้เลือกที่เหมาะกับกลุ่มเป้าหมายและธุรกิจของเรา



และทั้งหมดนี้ก็คือ 5 วิธีทำการตลาดออนไลน์แบบไม่เสียเงิน ไม่ว่าคุณจะเป็นนักการตลาดมืออาชีพ หรือเจ้าของธุรกิจที่ต้องการทำตลาดออนไลน์ด้วยตัวเอง จะต้องศึกษาข้อมูลอย่างละเอียด ลงมือทำหมั่นฝึกฝน และอดทนรอผลลัพธ์ เพื่อที่จะได้นำมาปรับปรุงพัฒนาแบรนด์ให้ดีขึ้นต่อไป และนอกจากจะเพิ่มการเข้าถึงของกลุ่มเป้าหมายแล้ว ยังสามารถเพิ่มยอดขายได้อย่างมหาศาลอีกด้วยค่ะ สิ่งที่ดีไม่จำเป็นต้องเสียเงินเสมอไป 


อัพเดทความรู้การขายออนไลน์