How to วิธีการใช้งานระบบ OTE Shipping ID

How to วิธีการใช้งานระบบ OTE Shipping ID

ระบบ ote Shipping ID เป็นระบบขนส่งนำเข้าสินค้าจากจีนเพียงอย่างเดียว ไม่มีบริการสั่งซื้อ ชำระเงิน หรือประสานงานกับร้านค้าจีนให้ และเหมาะกับผู้ที่มีประสบการณ์สั่งซื้อสินค้ากับร้านค้าจีนด้วยตัวเองอยู่แล้ว ฉะนั้น วันนี้มีสโอเตะจะมาแนะนำเมนูการใช้งานต่าง ๆ ของระบบ OTE Shipping ID กัน...

แต่จะใช้บริการนี้ได้เพื่อน ๆ จะต้องเป็นสมาชิกของเว็บ ote.co ก่อนและขออัพเกรดระบบเป็น ote Shipping ID ได้กับแอดมิน โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ ซึ่งวิธีการแบบละเอียดสามารถเข้าไปดูได้ที่ https://www.ote.co/blog.php?id=37

สำหรับเพื่อน ๆ ที่เป็นสมาชิกและอัพเกรดเป็นระบบ ote Shipping ID เรียบร้อยแล้ว จะมีเมนู Shipping เพิ่มเข้ามาตรงแทบเมนูสมาชิก >> ให้ไปที่ข้อมูลส่วนตัว จะเห็นรหัสไอดีชิปปิ้ง ยกตัวอย่างของมีสโอเตะ คือ OTE-417 ซึ่งรหัสแต่ละแอคเค้าท์จะได้รับไม่เหมือนกันค่ะ โดยรหัสนี้จะเอาไว้ใช้สำหรับแจ้งกับทางร้านค้าจีน เพื่อให้ร้านจีนตีพิมพ์รหัสลงข้างกล่องสินค้าที่เราทำการสั่งซื้อหรือนำเข้า 

ขั้นตอนการใช้งาน Shipping ID 

1. การเพิ่มข้อมูล Tracking Number ของพัสดุด้วยตัวเอง

Tracking Number คือ เลขพัสดุที่ร้านค้าจีนแจ้งให้กับเพื่อน ๆ เพื่อใช้สำหรับเช็คสถานะสินค้านำเข้าผ่านระบบ ote Shipping id 

วิธีกดเพิ่ม Track เข้าสู่ระบบ ให้ไปที่เมนู Shipping id > รายการแทร็คทั้งหมด > เพิ่มเข้าสู่ระบบ 

จากนั้นกดเพิ่มแทร็คใหม่ และกรอกเลข Tracking ลงในช่องหมายเลข Tracking จากนั้นกดบันทึก

ในกรณีที่สั่งซื้อสินค้าจากร้านสามารถเพิ่ม Tracking เข้าไปกี่หมายเลขก็ได้ แต่ในบางกรณีก็จะเห็น Tracking ที่ไม่ได้เพิ่มเข้าไปปรากฏอยู่ในระบบแล้ว เนื่องจากพัสดุที่ระบุ shipping id ของลูกค้าเข้าโกดังจีนเรียบร้อยแล้ว และ ทางแอดมินได้ key ข้อมูล Tracking number และ shipping id เข้าระบบให้ ข้อมูลส่วนนี้ก็จะโชว์ในลิสรายการ Tracking number โดยอัตโนมัติ 

ฉะนั้น มิสโอเตะขอย้ำว่า ให้แจ้งกับทางร้านค้าจีนว่าต้องเขียนรหัส shipping id ข้างกล่องทุกครั้ง เพื่อความรวดเร็วในการตรวจสอบข้อมูลพัสดุ

2. การเช็คสถานะพัสดุด้วย Tracking Number

หลังจากที่เพิ่ม Tracking Number เข้าระบบแล้ว ก็สามารถเช็คสถานะพัสดุสินค้าตามรายการดังนี้ ตั้งแต่สินค้าเข้าโกดังจีน จนสินค้าถึงโกดังไทย โดยระบบจะแจ้งรายระเอียดข้อมูลสินค้าไว้อย่างชัดเจน ยกตัวอย่างเช่น เมื่อระบบแจ้งสินค้าเข้าโกดังจีน สถานะก็จะขึ้นตามรายการ สินค้าเข้าโกดังจีน (1) ให้กดเข้าไป และกดที่เลขแทร็คอีกครั้ง ระบบก็จะแสดงรายละเอียดเพิ่มเติม บอกวันเวลาที่เพิ่มเข้า อัพเดทเมื่อวันที่เท่าไร ข้อมูลสินค้า เช่น น้ำหนัก ขนาดสินค้า (ที่คิดเป็นเรทคิว)

*ค่าขนส่งระหว่างประเทศ ยังไม่ใช่ราคาจริงจนกว่าจะได้รับการประเมินประเภทสินค้านะ*

และเมื่อสินค้าถึงโกดังไทย ระบบก็จะอัพเดทสถานะอีกครั้ง ให้กดดูที่เมนู ถึงโกดังไทย (1) จะเห็นข้อมูลเพิ่มขึ้นมา คือ การระบุประเภทของสินค้า เช่น สินค้าทั่วไป 

ที่สำคัญเมื่อพัสดุสินค้ามาถึงโกดังไทย สามารถเลือกเปิดบิลค่าขนส่งเมื่อไหร่ก็ได้ จะรอให้พัสดุสินค้าทั้งหมดมาถึงพร้อมกัน หรือเปิดบิลก่อนบางส่วนก็ได้ ซึ่งหลังจากแจ้งเปิดบิลไปแล้ว ค่าใช้จ่ายส่วนนี้สามารถเช็คดูได้จากรายการบิลได้เลยค่ะ